สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์นิยมเลี้ยงและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เมื่อเลี้ยงแล้วก็เกิดความผูกพันระหว่างเจ้าของและสุนัขไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัว บางบ้านอาจเห็นพวกเขาเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง หรือในบางบ้านอาจรักมากถึงขั้นยกให้เป็นลูกคนหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้น เมื่อพวกเขาเสียชีวิตลง การเลือกจัดการศพโดยใช้บริการตามวัดที่เผาศพสุนัขนั้นจึงถือเป็นการให้เกียรติและทำดีต่อกันให้พวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความรักและความอาลัยที่เจ้าของมีให้พวกเขาอย่างสุดซึ้ง

การเลือกวิธีจัดการศพสุนัขโดยวัดที่เผาศพสุนัขนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินความจำเป็นหรือไกลตัวมากเกินไปเช่นที่หลาย ๆคนเคยค่อนแคะ แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบจากเจ้าของหรือผู้เลี้ยงที่มีต่อสังคม เพราะถ้าเราปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณของพวกเขาถูกทิ้งไปตามถังขยะ แม่น้ำ หรือกลบฝังเพียงตื้น ๆ จนก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถูกสัตว์ต่าง ๆ คุ้ยเขี่ยจนมีสภาพที่ไม่น่าดู คงเป็นอะไรที่ดูแย่เอามาก ๆ เพราะบ่งบอกได้ดีถึงความใส่ใจและความรักที่เจ้าของเคยมีให้กับพวกเขาได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าในทุก ๆ การจัดการย่อมมีค่าใช้จ่าย แต่ค่าใช้จ่ายของทางวัดที่เผาศพสุนัขเรียกเก็บนั้นไม่ได้สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับค่ารักษาหรือค่าเลี้ยงดูที่เราเคยจ่ายให้พวกเขามาตลอด อัตราค่าบริการส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคาประมาณหนึ่งพันเศษ ๆ ไม่เกินสองพันบาทแล้วแต่กรณี อาจมีที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมขึ้นบ้าง ถ้าเราต้องการให้ทางวัดนั้นมีการจัดการมากยิ่งขึ้น เช่นเจ้าของระบุว่าต้องการให้นิมนต์พระมาสวดอภิธรรมให้กับสัตว์เลี้ยงเหมือนกับพิธีของคนจริง ๆ หรือการพาล่องเรือไปลอยอังคารกลางแม่น้ำ เพื่อเป็นการส่งพวกเขาสู่ที่ดี ๆ ตามความเชื่อของคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธก็ตาม ทางวัดทำให้ได้ทั้งหมด ขอเพียงทางผู้เลี้ยงระบุมาเท่านั้น

การจัดการศพของสัตว์เลี้ยงที่เรารักให้ถูกวิธีนั้น คือการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และบ่งบอกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่เรามีให้กับพวกเขา เพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาเคยจงรักภักดี เป็นทั้งเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวของเรา คอยปกป้องและดูและเรามาตลอด หากเป็นตัวเราเอง ถ้ารู้ว่าเจ้าของเลือกที่จะจัดการร่างของเราแบบไม่เหมาะสม เราคงเสียใจมาก พวกเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่ ดังนั้น จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเลือกใช้บริการจากวัดที่เผาศพสุนัข ที่มีมาตรฐานการจัดการที่ดี ถูกสุขลักษณะ และช่วยแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่กลบฝังจำกัดในประเทศไทย